seach

แถลงข่าว rss
23 ม.ค. 2566
icon12
เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประจำกระทรวงการคลัง (นายชื่นชอบ คงอุดม) ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานจัดทำมหกรรมร่วมใจแก้หนี้ “มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ได้เป็นประธานในการหารือระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จํากัด เกี่ยวกับแนวทางการนำข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและข้อมูลการชำระค่าไฟฟ้ามาใช้ในการพิจารณาสินเชื่อ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินของประชาชน
20 ม.ค. 2566
icon7
ประเทศไทยได้รับรางวัล Country award 2022 ประเภท Best liability management เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2566 โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ได้ดำเนินธุรกรรมการแลกเปลี่ยนพันธบัตร (Bond Switching) ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เป็นวงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินธุรกรรมที่ประสบความสำเร็จท่ามกลางสภาวะตลาดการเงินและตลาดตราสารหนี้ที่มีความผันผวน รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (Covid-19)
19 ม.ค. 2566
icon10
ในห้วงการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการเสวนาในฐานะผู้เสวนาหลัก (Lead Speaker) ภายใต้หัวข้อการขยายตัวทางการคลัง (Fiscal Expansion: A welcome Return or Ticking Bomb?) และการเสวนาหัวข้อบทบาทของผู้นำอาเซียนในการเปลี่ยนผ่านพลังงานที่เป็นธรรม (ASEAN Leaders for Just Energy Transitions)
19 ม.ค. 2566
icon10
ในวันที่ 20 - 22 มกราคม 2566 จะมีการจัดงาน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน” ครั้งที่ 4 ณ ศาลาประชาคมเทศบาลเมืองบ้านสวน จังหวัดชลบุรี ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. โดยงานมหกรรมครั้งนี้เป็นการจัดครั้งที่ 4 หลังจากครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดเชียงใหม่ ตามลำดับ
18 ม.ค. 2566
icon13
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในห้วงการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการเสวนาในฐานะผู้เสวนาหลัก (Lead Speaker) ภายใต้หัวข้อการพัฒนาการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก (Traveling Again, Differently) และหัวข้อพันธสัญญาสีเขียวของอาเซียน (ASEAN’s Green Promise)
18 ม.ค. 2566
icon64
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม - ธันวาคม 2565) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 632,717 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 1,041,138 ล้านบาท
18 ม.ค. 2566
icon79
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3
17 ม.ค. 2566
icon33
ครม. เห็นชอบขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไปอีก 4 เดือน ผลการประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 เห็นชอบขยายเวลาปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท ออกไปอีก 4 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2566 ถึง 20 พฤษภาคม 2566 เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชน และเพื่อให้กลไกทางเศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนได้ แม้ว่าการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตในครั้งนี้จะส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ก็ตาม
17 ม.ค. 2566
icon14
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าร่วมการประชุม World Economic Forum (WEF) ประจำปี 2566 ระหว่างวันที่ 16-19 มกราคม 2566 ณ เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 ได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังซาอุดีอาระเบียและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (Financial Secretary) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง
16 ม.ค. 2566
icon81
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ (โครงการลงทะเบียนฯ) ปี 2565 ว่า กระทรวงการคลังได้รับผลการตรวจสอบคุณสมบัติจากหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติจำนวน 46 แห่ง อาทิ กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม ธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (SFIs) ต่าง ๆ เป็นต้น เรียบร้อยแล้ว และขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการประมวลผลที่ได้รับจากหน่วยตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนกว่า 19.63 ล้านราย และข้อมูลคู่สมรสและบุตรอีกกว่า 24.88 ล้านราย รวมทั้งสิ้นกว่า 44.51 ล้านราย ซึ่งการประมวลผลการตรวจสอบคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 มีความครอบคลุมและมีการตรวจสอบที่ละเอียดกว่าโครงการลงทะเบียนฯ ในอดีต เนื่องจากมีการใช้เกณฑ์ครอบครัวเข้ามาพิจารณาเพิ่มเติมจากเดิมที่พิจารณาเฉพาะเกณฑ์บุคคล โดยครอบครัว หมายถึง ผู้ลงทะเบียน คู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส และบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ อีกทั้งในครั้งนี้มีการเพิ่มเติมคุณสมบัติสำหรับเกณฑ์บุคคล ได้แก่ การมีบัตรเครดิต และภาระหนี้สินของผู้ลงทะเบียน ซึ่งการพิจารณาการตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียนในครั้งนี้จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ตามเกณฑ์บุคคลก่อน หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลแล้ว จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของคู่สมรสและบุตรที่มีอายุไม่เกิน 18 ปีบริบูรณ์ (หากมี) ตามเกณฑ์ครอบครัวในขั้นตอนต่อไป ซึ่งหากพบว่า ผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์ครอบครัวจะถือว่าผู้ลงทะเบียนไม่ผ่านคุณสมบัติและผู้ลงทะเบียนจะไม่ได้รับสิทธิตามโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการดำเนินโครงการลงทะเบียนฯ ปี 2565 มีการพัฒนาเกณฑ์การคัดกรองเพื่อให้ระบุตัวตนผู้มีรายได้น้อยได้แม่นยำมากขึ้น โดยเป็นการปรับปรุงฐานข้อมูลผู้มีสิทธิใหม่ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยให้การใช้งบประมาณมีประสิทธิภาพสูงสุด